พ่อแม่น้องเปรมส่งศพไปตรวจพิสูจน์ที่กรุงเทพฯ ยันเอาเรื่องรุ่นพี่ให้ถึงที่สุด แฟนเผยข่าวเศร้า ยังไม่ทันได้เห็นหน้าลูกในท้อง ทร.อีสาน พร้อมรับผิดชอบ ประณามการใช้ความรุนแรง จ่อลงโทษรุ่นพี่และผู้เกี่ยวข้อง
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ANTI SOTUS ได้โพสต์รูปภาพนายพัดยศ หรือน้องเปรม อายุ 19 ปี ชาวตำบลกฤษณา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยข้อความระบุว่า ศพแรกของปี น้องเปรม นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา เสียชีวิตจากการรับน้องใหม่ ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตที่บริเวณทุ่งนาบ้านหนองระเวียง ต.หนองระเวียง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา โดยก่อนเกิดเหตุรุ่นพี่ได้มาแจ้งให้นายพัดยศชวนไปเล่นฟุตบอล แต่พอไปถึงกลายเป็นการรับน้องและบังคับให้ดื่มเหล้าขาว จากนั้นรุ่นพี่ได้มีการรุมทำร้าย จนนายพัดยศหมดสติและรุ่นพี่ได้พยายามปั้มหัวใจช่วยชีวิตและนำส่ง รพ.ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร และเสียชีวิตระหว่างทาง
เช้าวันนี้ (15 มีนาคม 2565) ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ่อของน้องเปรม อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หนุ่มนักศึกษาที่ถูกรุ่นพี่รับน้องจนเสียชีวิต ซึ่งคุณพ่อของน้องได้เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องเปรม คุณพ่อก็ได้เดินทางกลับมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อมาดูศพน้องที่ รพ.ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา โดยเมื่อเดินทางมาถึงคุณพ่อก็ได้เจอกับกลุ่มรุ่นพี่ที่ทำร้ายน้องเปรมจนเสียชีวิตแล้ว โดยมีด้วยกันทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด โดยรุ่นพี่ทั้ง 6 คนก็ได้กราบเท้า และกล่าวขอโทษกับคุณพ่อ
ซึ่งคุณพ่อก็ถามไปว่า ทำไมต้องทำกันรุนแรงอย่างนี้ และคุณพ่อก็ได้กล่าวต่อว่าพูดไปหลายอย่าง โดยที่รุ่นพี่ทุกคนก็ยอมรับผิด โดยช่วงสายวันนี้ (15 มีนาคม 2565) คุณพ่อก็จะเดินทางไปรับศพน้องที่ รพ.ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา เพื่อนำศพส่งไปตรวจพิสูจน์ที่กรุงเทพ อย่างไรก็ตามผลการตรวจร่างกายของน้องเปรมที่ รพ.ค่ายสุรนารี เบื้องต้นแพทย์ได้แจ้งว่า น้องเปรมติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เป็นเชื้ออ่อนๆ และหลังเกิดเหตุทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ได้ติดต่อมาเบื้องต้นแล้ว และอธิบายว่าการรับน้องดังกล่าวอยู่นอกมหาวิทยาลัยนอกเหนือการควบคุมแต่จะขอร่วมแสดงรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยจะเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยทางมหาวิทยาลัยจะได้เรียกรุ่นพี่ที่ก่อเหตุและผู้ปกครองมาสอบสวนข้อเท็จจริงและจะมีมาตรการลงโทษตามระเบียบมหาวิทยาลัยถึงขั้นให้ออกจากการเป็นนักศึกษาส่วนคดีความก็จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฏหมายต่อไป ซึ่งก็ต้องรอพูดคุยกันอีกครั้งว่าจะรับผิดชอบอย่างไร อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับรุ่นพี่และผู้เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
ต่อมาเฟสบุ๊ก ANTI SOTUS ก็ได้ลงคลิปภาพรุ่นพี่นักศึกษที่ทำร้ายร่างกายนายพัดยศพร้อมด้วยแฟนสาวของนายพัดยศที่กำลังตั้งท้องได้ 3 เดือน และญาติๆเดินทางไปบริเวณทุ่งนาบ้านหนองระเวียง อ.เมืองนครราชสีมาที่เกิดเหตุที่รุ่นพี่ใช้รับน้องและประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณของนายพัดยศ กลับบ้านตามความเชื่อ โดยระหว่างนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเดินทางไปกับแฟนสาวของนายพัดยศได้ต่อว่ารุ่นพี่โหดด้วยความคับแค้นใจถึงการกระทำของรุ่นพี่จนเป็นเหตุให้นายพัดยศเสียชีวิต
จากคำบอกเล่าจากเพื่อนน้องเปรม บอกข้อมูลช็อกว่า น้องถูกรุ่นพี่ไล่ต่อยที่ละคน โดยไม่มีใครรู้ว่าน้องติดเชื้อโควิดลงปอด โดยข้อความระบุว่า
สายจากเพื่อนน้องเปรม พี่เขาทำกันทั้งหมดประมาณ 30 กว่าคน เป็นพวกที่เอารุ่น รุ่นพี่เขาให้ยืนเรียงแถวกันตามเลขที่แล้วรุ่นพี่ก็จะเข้ามาต่อยทีละคน เช่น รุ่นพี่เลขที่ 1 จะต่อยรุ่นน้องเลขที่ 1 -30ไปทีละคนรุ่นพี่เลขที่ 2 ก็มาต่อยเรียงกันไปเรื่อยๆ ตามคนที่ 1 รุ่นพี่เลขที่ 3…..เลขที่ 4….. ไปเรื่อยๆ
น้องเปรมโดนทั้งต่อยหน้าอกด้วย แล้วก็โดนถีบด้วย ให้นึกภาพเหมือนทหารเกณฑ์ยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งแล้วครูฝึกมาต่อยท้องทีละคนเพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ 5 คนนั้นแน่นอน ที่บอกว่ามี 5-6 คนนั้นเพราะพ่อถามว่าใครทำบ้าง แล้วก็รับกันแค่นั้นแล้วเปรมมันเป็นโควิดลงปอด ไม่มีใครรู้ หมอเพิ่งมาบอกทีหลัง ตอนที่ตายไปแล้ว
(แอดมินคิดว่าถ้าเป็นโควิดด้วย กินเหล้าด้วย แล้วถูกกระแทกที่หน้าอกหลายครั้งด้วย โอกาสรอดแทบไม่มีเลยยากมากปอดไม่แข็ง เลือดสูบฉีด และถูกกระแทกที่ปอดหรือลิ้นปี่ ) พอต่อยเสร็จแล้วพี่เขาจะให้เดินกลับ เปรมก็ล้มลงไปหายใจไม่ทันตัวแข็งตาเหลือก พอเอาไปโรงพยาบาลเข้าก็ใส่เครื่องช่วยหายใจแต่หาชีพจรไม่เจอ หมอเลยบอกว่าอย่ายื้อเลยน้องเขาไม่ไหว อย่าไปเชื่อว่ามีแค่ 5 คนครับ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดย รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้ออกแถลงการณ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กรณี เหตุการณ์การรับน้องนอกสถานที่ จนทำให้สูญเสียนักศึกษามหาวิทยาลัยจำนวน 1 ราย
รายละเอียดแถลงการณ์ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดการรับน้องนอกสถานที่และทำให้มีนักศึกษาระดับชั้น ปวส.ของมหาวิทยาลัยเสียชีวิตนั้น ขอเรียนว่า มหาวิทยาลัยฯ มีนโยบายอย่างเด็ดขาดเคร่งครัดที่ห้ามมีการรับน้องไม่ว่าในสถานที่หรือนอกสถานที่ หรือการประชุมเชียร์ใดๆ อย่างเด็ดขาด ตามประกาศ มทร.อีสาน เรื่อง งดการจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่และประชุมเชียร์ ประจำปีการศึกษา 2564
มหาวิทยาลัยได้รับทราบเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ด้วยความเสียใจยิ่ง และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของน้องนักศึกษาดังกล่าวที่ต้องสูญเสียบุตรผู้เป็นที่รัก และอนาคตของชาติ อันเป็นผลจากการกระทำของกลุ่มนักศึกษาที่กระทำลงไปโดยขัดกับประกาศและกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรงยิ่ง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีถึงที่สุดต่อไป
ขอบคุณ เรื่องเล่าเช้านี้/sanook.com/FB:มทร.อีสาน