เชื่อใครดีหละงานนี้

 ต่อมา พลเรือตรีอภิรักษ์ กลิ่นหม่น เสนาธิการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวในจุดที่มีการนำภาพมาลงในเฟซบุ๊ก โดยมีผู้บังคับกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 521 ฐานบ้านแหลม ร่วมกับปลัดอาวุโสอำเภอโป่งน้ำร้อน รักษาการแทนนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี ด่านถาวรบ้านแหลม และผู้นำฝ่ายปกครองท้องถิ่น ร่วมเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง

จากการลงพื้นที่ของหลายฝ่าย พบมีฝายกระสอบทรายไว้กั้นชะลอน้ำที่พาดข้ามเชื่อมต่อแดนระหว่างไทย-กัมพูชา และจากการรายงานของเรือเอกสุรสีห์ ศรีสุขเอม ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 521 ทราบว่า ฝายดังกล่าวได้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงภัยแล้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนภาพที่มีผู้นำไปลงเฟซบุ๊กนั้น เป็นภาพเก่าเมื่อครั้งมีการประกาศปิดด่าน แต่เนื่องจากประชากรชาวกัมพูชาที่อาศัยตามแนวชายแดนประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน หน่วยงานราชการของกัมพูชาจึงขอเจรจาให้ผ่อนผันให้ชาวบ้านข้ามมาซื้ออาหารในตลาดบ้านแหลม โดยจำกัดพื้นที่เพียงซื้ออาหาร และจากการหารือร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมนุษยธรรม จึงอนุโลมให้ข้ามมาซื้ออาหารได้ แต่หลังจากมีประกาศให้ด่านเปิดให้รถยนต์สินค้าเข้าได้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการปิดกั้นห้ามผ่านแล้ว

“ภาพที่โพสต์เป็นภาพเก่า ที่กระสอบทรายยังใหม่ สีขาว แต่ภาพปัจจุบันที่มาตรวจ จะเป็นกระสอบทรายที่เก่าและมีลวดหนามขึงทั้งสันฝาย และแนวชายฝั่ง”

เสนาธิการกองกำลังป้องกันขายแดนจันทบุรีและตราด กล่าวว่า การที่ลงมาโพสต์ในลักษณะแบบนี้อาจสร้างความเสียหายให้ระบบเศรษฐกิจ และส่งผลเสียให้กับตลาดบ้านแหลมได้ อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกวดขันเข้มงวดแบบ 100% ไม่มีการอนุโลมใดๆ ทั้งสิ้น และฝากถึงผู้ที่รับข่าวสารให้พิจารณาถึงความเป็นจริงอย่าได้ตื่นตระหนก หน่วยงานภาครัฐและตลาดบ้านแหลมจะควบคุมในเรื่องการหลบหนีเข้าเมืองอย่างเต็มที่ กำชับให้ทำงานทั้งกลางวันกลางคืน