เศรษฐีแม่กลองจัดพิธีฌาปนกิจมารดาสุดยิ่งใหญ่ เมรุลอยทรงจตุรมุข 5 ชั้น 9 ยอด กว่า 3 แสบาทน จุดพลุ 120 นัด พร้อมตะไลไฟพะเนียง ดอกไม้ไฟพุ่ม ดอกไม้ไฟสายน้ำตกอีกจำนวนมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมพิธีทั้งในและนอกพื้นที่อย่างมาก ด้านลูกๆ หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
จากกรณีที่เศรษฐีแม่กลองเจ้าของกิจการ โรงน้ำแข็ง “วารีทิพย์” ตั้งเมรุลอย ทรงจตุรมุข 5 ชั้น 9 ยอด ในบ้านเรือนไทยหลังมหึมา พร้อมตกแต่งดอกไม้สวยงาม รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจมารดาอย่างยิ่งใหญ่นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (19 ธันวาคม) ที่บ้านหมาใหญ่ ซึ่งเป็นฉายาของลูกชายคนโต หรือช่วงงานศพใช้ชื่อ “บ้านสวนเรือนไทย” หมู่ 10 ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นสถานที่สวดพระอภิธรรมและฌาปนกิจ นางเฮียง ศรีสนอง วัย 90 ปี โดยตั้งเมรุลอย ทรงจตุรมุข 5 ชั้น 9 ยอด ตกแต่งด้วยลวดลายกนกและเทพนม ความกว้างด้านละ 16 เมตร ความสูง 15 เมตร บันได 19 ขั้น ตั้งคร่อมต้นพะยอมยักษ์อายุกว่า 100 ปี
บริเวณรอบเมรุลอยมีการประดับหลอดไฟ ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว ส่วนพื้นที่รอบเมรุลอยเจ้าภาพได้นำเรือสำปั้นบรรทุกมะพร้าวอ่อนมาวางไว้ พร้อมผลไม้ในสวน เช่น กล้วยน้ำว้า ละมุด มะละกอ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงผู้ตาย
งานดังกล่าวมีพิธีทอดผ้าบังสุกุลรวม 48 ผืน โดยมีนายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.เขต 2 จ.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานทอดผ้ามหาบังสุกุล พระราชวชิรดิลก เจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร พิจารณาผ้ามหาบังสุกุล โดยคณะสงฆ์สวดบังสุกุล 4 ทิศ ทิศละ 4 รูป และมี น.ส.สุกานดา ปานะสุทธะ นายก อบจ.สมุทรสงคราม พร้อมด้วยผู้ใหญ่ในแวดวงการเมือง ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชนร่วมพิธีกว่า 1,000 คน เต็มบริเวณลานว่างหน้าบ้านทรงไทย
จากนั้นเวลา 21.00 น. ได้มีพิธีเผาร่างนางเฮียงบนเมรุลอย เจ้าภาพได้จุดพลุ 120 นัด และตะไลไฟพะเนียง ดอกไม้ไฟพุ่ม ดอกไม้ไฟสายน้ำตกอีกจำนวนมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมพิธีทั้งในและนอกพื้นที่อย่างมาก
นายสมชาย ศรีสนอง อายุ 56 ปี เจ้าภาพงานศพ กล่าวว่า นางเฮียง ศรีสนอง มารดา เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 90 ปี ด้วยโรคชรา ลูกๆ ได้เก็บศพไว้ 100 วัน ก่อนจัดพิธีสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมเป็นต้นมา และฌาปนกิจช่วง 6 โมงเย็นวันนี้ (19 ธันวาคม) เป็นการเผาจริงบนเมรุลอยที่จัดตั้งขึ้น
นายสมชายเล่าว่า มารดามีลูกทั้งหมด 9 คน เป็นผู้ชาย 6 คน ผู้หญิง 3 คน เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก 2 คน ตนเป็นลูกชายคนที่ 3 แม่เลี้ยงลูกทุกคนด้วยความวิริยอุตสาหะจนเติบใหญ่ได้ดีกันทุกคน ทั้งที่เป็นเพียงแม่ค้าขายผลไม้ พายเรือนำมะพร้าวอ่อนและน้ำตาลมะพร้าว รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาลไปขายตามตลาดแม่กลอง และตลาดนัดทางเรือในพื้นที่ ส่งลูกเรียนหนังสือ ต่อมาลูกๆ ได้แยกย้ายไปทำธุรกิจโรงน้ำแข็งชื่อ “วารีทิพย์” ตั้งอยู่ จ.สมุทรปราการ และทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนมีฐานะดีขึ้น และกลับมาช่วยกันสร้างบ้านเรือนไทยหลังนี้ให้พ่อแม่ได้อยู่อาศัย
“เมื่อแม่เสียชีวิต ลูกๆ ได้ปรึกษากันจะจัดงานศพให้แม่อย่างสมเกียรติ ได้ไปว่าจ้างเมรุลอยของลุงแถม จ.พระนครศรีอยุธยา ในราคา 2 แสนบาทเศษ มาติดตั้ง หากรวมค่าประดับตกแต่งดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งสิ้นราว 3 แสนบาท ยังไม่นับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รวมตัวเลข
“การจัดงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ถือเป็นการตอบแทนพระคุณมารดา และตอบแทนค่าน้ำนมที่แม่เลี้ยงพวกเรามาเป็นครั้งสุดท้าย เป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัว อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้หมุนเวียน เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่โควิด-19 แพร่ระบาด ผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจจัดงานศพและอื่นๆ ต่างซบเซาไปตามๆ กัน เมื่อพวกเรามีฐานะที่พอจะช่วยเหลือพวกเขาได้บ้างก็สมควรทำ อีกทั้งพ่อแม่สั่งสอนลูกๆ ว่าให้ช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า และถือเป็นการกระจายเม็ดเงินลงสู่ฐานราก เพื่อช่วยกระตุ้นให้วงจรธุรกิจและเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้” นายสมชายกล่าว
ขอบคุณ มติชน/sanook.com