แม่ลูกสาม ชีวิตสุดรันทด เสียสามี ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เจอวิกฤติโรคโควิดซ้ำ ลำบากถึงขั้นต้องต้มข้าวใส่เกลือให้ลูกกิน วันแม่ปีนี้ ขอแค่ข้าวกับยาให้ลูก ตัวเองกินน้ำข้าวก็อยู่ท้อง
วันที่ 12 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีหญิงแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูก 3 ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติโรคโควิด ถึงขั้นต้องต้มข้าวใส่เกลือให้ลูกกิน เพราะไม่มีงาน ไม่มีเงิน พักอาศัยอยู่บ้านไม้ยกพื้นผุพังที่ ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อไปถึงพบ ซูฮัยนี เจ๊ะเลาะ อายุ 32 ปี พร้อม ลูกชายคนโตอายุ 8 ขวบ ลูกสาวคนกลางอายุ 5 ขวบ และคนเล็กยังเป็นทารกแค่ 1 ขวบเท่านั้น เล่าความทุกข์ยากให้ฟังว่า เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สามีจากไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ต้องอาศัยอยู่กับลูกๆ 3 คนเพียงลำพัง แต่เดิมขายลูกชิ้นอยู่ในหมู่บ้านได้เงินวันละ 50-100 บาท ก็ยังพอดูแลลูกได้
ซูฮัยนี เล่าต่อว่า แต่พอโควิดระบาดหมู่บ้านถูกปิด ห้ามคนสัญจรไปมาทำให้ลูกชิ้นขายไม่ได้ ไม่มีคนมาซื้อ ขายต่อไปก็ขาดทุนสุดท้ายต้องตัดใจเลิก ชีวิตยิ่งลำบากไม่มีงานไม่มีเงิน ถึงขนาดต้องต้มข้าวกับเกลือให้ลูกกิน ร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องให้ลูกกินข้าวต้มเกลือ ลูกกินไปบ่นไป เพราะเค็ม เราเป็นแม่ก็ได้แต่ร้องไห้ แม้จะรู้ว่าร้องไปก็เท่านั้น แต่รู้สึกอัดอั้น ไม่รู้จะทำอย่างไร
“วันแม่ปีนี้ไม่ขออะไรมากไปกว่าอาหารและยา จะได้ไม่ต้องไปขอคนอื่นเวลาลูกไม่สบาย ส่วนที่อยากได้อาหาร เพราะไม่อยากให้ลูกกินข้าวต้มเกลือ ส่วนเราเองกินแต่น้ำได้ ก็อดทนเอา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สู้ชีวิต แต่ละวันจะออกเดินไปของานทำตามบ้านต่างๆ กระทั่งได้งานส่งข้าวของร้านขายอาหารตามสั่งเล็กๆในหมู่บ้าน แต่เจ้าของร้านไม่ได้จ้างเป็นเงิน เพราะขายแทบไม่ได้เหมือนกัน ยอดสั่งแค่วันละ 100-200 บาท จึงให้เป็นข้าวแทนเงิน
ก็ยังดีที่มีข้าวกลับมาให้ลูกกิน เพราะทุกวันนี้แค่ลูกไม่อดก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ตอนที่ไปส่งข้าว ลูกชายคนโตกับลูกสาวจะช่วยกันดูแลน้องคนเล็ก พอลูกร้องไห้ก็วิ่งกลับมาให้นม บางครั้งก็เอาลูกๆ ไปของด้วย ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่ว่าอะไร ก็ถือว่าตัวเองโชคดีที่เขาไม่ว่า เสื้อผ้าของตัวเองและลูกๆ ชาวบ้านที่สงสารเขาก็บริจาคให้ ถือว่าครอบครัวเราโชคดีแล้ว ”
เมื่อถามถึงความฝันในชีวิตของคนเป็นแม่ ซูฮัยนี บอกว่า ถ้าเลือกได้ อยากไปทำงานที่ได้เงินมากกว่านี้ จะได้ซื้ออาหารและยาให้ลูก ส่วนระยะยาวก็อยากเก็บเงินสร้างบ้านให้ลูกๆ จะได้อยู่สุขสบาย เพราะบ้านที่อยู่ทุกวันนี้เป็นของน้า ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอยู่เองวันไหน ฉะนั้นชีวิตขอแค่มีงาน มีกิน มีบ้านอยู่ ก็ดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเธอ
สำหรับบ้านที่ ซูฮัยนี พูดถึง เป็นบ้านไม้ยกพื้นหลังเก่า อายุมากกว่า 60 ปี สภาพผุพัง แทบจะใช้อยู่อาศัยไม่ได้ แต่เป็นชายคาเดียวที่ให้เธอและลูกๆ ได้อาศัยอยู่รวมกันถึง 4 ชีวิต ทุกซอกทุกมุมของบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ความโชคดีอย่างเดียวของ ซูฮัยนี คือลูกๆ เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง โดยเฉพาะลูกชายคนโต ช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ได้ไม่น้อยในแต่ละวัน บอกเราด้วยว่า
” พวกเราจน พวกเราไม่มีข้าวกิน ถ้าแม่ไม่ทำงานเราก็ไม่มีอะไรกิน สงสารแม่ ผมช่วยแม่เลี้ยงน้อง เล่นกับน้อง พอน้องตื่นก็พาน้องไปให้แม่ที่ร้านข้าว และช่วยแม่เอาเสื้อไปแช่ในกะละมังด้วย พอแม่ขายข้าวเสร็จแม่ก็จะมาซัก เวันแม่อยากให้แม่มีเงิน พวกเราจะได้ซื้อข้าว และเวลาน้องไม่สบาย แม่จะได้ไม่ต้องไปขอยาจากคนอื่น แม่บอกว่าเราจน เราต้องอดทน พวกเราก็อดทน ไม่ดื้อกับแม่ “
ขอบคุณ ข่าวสด/สำนักข่าวอิศรา