วันที่ 23 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น. ร.ต.อ.สายัณห์ เหล่าเสน รอง สว.สอบสวน สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มีนายพวงพันธ์ ประเสริฐนอก อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 282 หมู่ 8 บ้านนาน้ำชุ่ม ต.บ้านโคก อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ขับรถปิกอัพฟอร์ด เรนเจอร์ สีส้ม ทะเบียน ขข 2095 อุดรธานี มาจอดหน้าโรงพัก ก่อนจะเดินขึ้นไปมอบตัว พร้อมของกลางถืออาวุธปืนไทยประดิษฐ์ หลังก่อเหตุยิงนายจิรายุ สุขเสริม อายุ 43 ปี พี่ชายที่มีอาการทางจิตประสาท คุ้มคลั่ง ถือมีดไล่ฟัน เสียชีวิตกลางถนนในหมู่บ้านนาน้ำชุ่ม เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 มิถุนายน 2563
จากการสอบสวนนายพวงพันธ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนและผู้ตายเป็นพี่น้องต่างบิดากัน โดยนางนาง ประเสริฐนอก อายุ 71 ปี แม่ของตนมีลูก 6 คน พี่น้องแต่งงานแยกครอบครัวไปหมดแล้ว ส่วนผู้ตายไม่มีครอบครัวอาศัยอยู่กับแม่ ก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยไปขับแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ 7-8 ปี แต่มีอาการทางจิตประสาท มักคุ้มคลั่งอาละวาด จึงกลับมารักษาตัวอยู่บ้าน ซึ่งตนเคยอยู่บ้านกับแม่และผู้ตาย กระทั่งตนแต่งงานและแยกครอบครัวเมื่อต้นปี 2563 แต่ตนยังกลับมาดูแลแม่เหมือนเดิม เพราะห่วงที่แก่ชราหูไม่ค่อยได้ยิน ต้องดูแลผู้ตายที่มีอาการทางจิตประสาท และผู้ตายมักอาละวาดประจำ
นายพวงพันธ์ ให้การต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเช้า ขณะที่ตนออกไปทำธุระนอกบ้าน คิดว่าหลังทำธุระเสร็จจะไปเยี่ยมแม่ที่บ้าน ต่อมาภรรยาได้โทรหาว่าผู้ตายอาละวาดจะทำร้ายแม่ จนแม่ต้องไปหลบอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้าน ตนจึงขับรถไปหาแม่ที่บ้าน แต่พบผู้ตายนอนอยู่หน้าบ้านกับมีด ตนจึงเข้าไปถามว่ามีใครมาทำอะไรให้ ผู้ตายบอกว่าแม่วางยาพิษใส่อาหารให้กิน ตนจึงบอกว่าจะวางยาพิษได้อย่างไร เพราะแม่ทำกับข้าวและก็กินข้าว ตนจึงให้แม่หลบไปอยู่ที่บ้านญาติก่อน ตนจึงกลับไปบ้าน พอมาบ่ายตนรู้สึกห่วงแม่ จึงขับรถกลับมาเพื่อรับแม่ไปอยู่ด้วย เมื่อไปถึงก็พบผู้ตายกำลังด่า จึงเข้าไปห้ามและจะเอาแม่ไปนอนที่บ้านด้วย ผู้ตายไม่พอใจได้ถือมีดวิ่งไล่ฟันตน จึงตัดสินใจหยิบเอาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ที่วางอยู่ในรถปิกอัพ มาพาดขอบประตูรถ ยิงใส่ผู้ตาย 1 นัดล้มลงเสียชีวิต ตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
นางอุดมลักษณ์ ทาทอง 26 ปี ภรรยานายพวงพันธ์ ผู้ต้องหา เล่าว่า ตนเคยอยู่บ้านสามีร่วมกับแม่สามีและผู้ตายมาก่อนประมาณ 1 ปี ผู้ตายมีอาการทางจิตประสาท มักจะอาละวาดประจำ ญาตินำไปรักษาและบำบัด พออาการดีขึ้นก็นำกลับมาบ้าน พอมีอาการกำเริบก็จะพาไปโรงพยาบาล ซึ่งผู้ตาย ชอบอยู่คนเดียว มีโลกส่วนตัว ไม่สุงสิงกับใคร และจะหวาดระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย และพกมีดติดตัวตลอด กระทั่งเมื่อวานนี้ แม่สามีได้โทรศัพท์มาบอกว่าผู้ตายอาละวาดอีกแล้ว ตนจึงบอกให้สามีไปดูแม่ สามีกลับมาบ้านแต่ด้วยความเป็นห่วงแม่ สามีได้กลับไปหาแม่อีก ก็ถูกผู้ตายเอามีดไล่ฟัน จนต้องหยิบเอาปืนวางอยู่ในรถเพื่อเอาไปเฝ้าที่นาและยิงนกยิงหนู ขึ้นมายิงป้องกันตัว
นายสวาท สุขเสริม 46 ปี พี่ชายผู้ตายและผู้ต้องหา เปิดเผยว่า แม่มีสามี 3 คน สามีคนแรกมีลูก 2 คน สามีคนที่สอง มีลูก 3 คน รวมทั้งตนและผู้ตาย ส่วนสามีคนที่สาม มีลูก 1 คน คือผู้ต้องหา รู้สึกสงสารน้องทั้งสอง สงสารมากที่สุดคือผู้ต้องหา เพราะมีภาระมากมีทั้งครอบครัว แต่ต้องมาดูแลแม่และผู้ตายด้วย ตนเคยบอกให้นายพวงพันธ์ว่าให้ใจเย็นๆ แต่ผู้ตายอาละวาดบ่อยถือมีดขู่ฆ่าแม่หลายครั้ง ล่าสุดทุบถ้วยทุบจาน อาละวาดชี้ด่าจะฆ่าแม่ เสียใจที่น้องฆ่ากัน แต่รู้สึกว่าโล่งใจที่แม่จะได้ปลอดภัยขึ้น ถ้าอยู่กับผู้ตายต่อไป ต้องถูกฆ่า ผู้ต้องหาคงทนไม่ได้ จึงก่อเหตุขึ้น ต่อไปตนจะต้องดูแลแม่แทนน้องชายเอง
ส่วนศพนายจิรายุ ญาติได้นำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าบ้านนาน้ำชุ่ม โดยนางนาง ประเสริฐนอก อายุ 71 ปี เป็นทั้งแม่ผู้ตายและแม่ผู้ต้องหา ได้จุดธูปหน้าโลงศพนายจิรายุ พร้อมกล่าวอโหสิกรรมให้ผู้ตายว่า ที่ผ่านมาก็ให้แล้วไป แม่ไม่ได้โกรธ ไม่เกลียดชัง และบอกกับผู้ตายว่าเงินของผู้ตาย 320 บาท จะทำบุญไปให้ ต่อมา ร.ต.อ.สายัณห์ เหล่าเสน รอง สว.(สอบสวน) สภ.สร้างคอม มาแจ้งว่า จะนำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อนำเอากระสุนลูกปรายออกมาจากร่างผู้ตายเพื่อเป็นหลักฐาน เสร็จแล้วจะนำร่างมาคืนให้บำเพ็ญกุศลตามประเพณี ซึ่งญาติก็ยินยอม
ร.ต.อ.สายัณห์ เหล่าเสน รอง สว. สอบสวน สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี กล่าวว่า ทุกครั้งที่พี่ชายอาละวาดคลุ้มคลั่ง แม่จะโทรศัพท์ให้น้องชายมาห้าม แต่ครั้งนี้ผู้ตายอาละวาดหนักถึงขึ้นถือมีดไล่ฟัน ผู้ต้องหาจึงตัดสินใจยิงผู้ตาย ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป