โรงเรียนชื่อดังในสงขลา ออกประกาศให้ครูพ้นสภาพครู โดยไม่ได้ระบุที่มาของความผิดในประกาศ

ครูสาวจ่อฟ้องกลับโรงเรียน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ยันทำตามกฎทุกอย่าง ลาออกก่อน 30 วัน แต่โดนเรียกคุย บีบพ้นสภาพล่วงหน้า ทนายชี้ โรงเรียนไม่หมิ่นประมาท แต่ผิดเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ข้อมูลอันเป็นเท็จ

 

 

 

โลกออนไลน์เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังโรงเรียนชื่อดังใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ออกประกาศให้ครูแนะแนวของโรงเรียน พ้นสภาพจากการเป็นบุคลากรของโรงเรียน โดยไม่ได้ระบุที่มาของความผิดในประกาศ จนทำให้ชาวเน็ตพากันสืบหาที่มาว่าเหตุใดจึงต้องออกประกาศในโซเชียลมีเดียใหญ่โตผิดวิสัยแบบนี้

โดยในประกาศระบุว่า 

 

 

แจ้งบุคคลพ้นสภาพการเป็นบุคลากร นางสาวอริสรา มุสิกรักษ์ ครูแนะแนว ได้พ้นสภาพจากการเป็นบุคลากรของโรงเรียน…แล้วตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565

การใดที่ นางสาวอริสรา มุสิกรักษ์ ได้กระทำลงไปในนามส่วนตัว หรือกล่าวอ้างถึงโรงเรียน ภายหลังพ้นสภาพการเป็นบุคลากร จักไม่มีผลผูกพันและไม่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ประกาศ ณ วันที่ 25 มีนาคม 2565 ลงนามผู้อำนวยการโรงเรียน

 

กระทั่งกลายเป็นดราม่าขึ้นมาเมื่อมีการเปิดเผยว่า ครูสาวในประกาศไม่ได้ทำผิดวินัยแต่อย่างใด แต่กลับทำเรื่องน่ายินดี เมื่อเจ้าตัวสอบบรรจุข้าราชการครูได้อันดับ 1 ของจังหวัด ทำให้เกิดดราม่า ชาวเน็ตเข้าไปวิจารณ์ทางโรงเรียนกันเป็นจำนวนมาก ว่าเหตุใดจึงบังคับให้ครูสาวพ้นจากสภาพแบบไม่เป็นธรรมเช่นนี้ พร้อมคอมเมนต์แสดงความยินดีกับครูสาวเป็นจำนวนมาก

 

 

 

ขณะที่ นางสาวอริสรา มุสิกรักษ์ หรือ ครูหญิง ได้เข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ของโรงเรียน และอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า หลังจากทราบผลว่าตนสอบผ่านข้อเขียน จึงยื่นใบลาออกกับทางโรงเรียนเมื่อวันที่ 2 มีนาคม และตามกำหนดต้องทำงานจนถึงวันที่ 31 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางโรงเรียนได้อนุมัติใบลาออกตามปกติ พร้อมประกาศรับสมัครครูใหม่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม

 

กระทั่งวันที่ 14 มีนาคม ทางโรงเรียนทราบภายหลังว่า ตนไปสอบรรจุมา จึงเรียกให้ไปพบ และให้เซ็นรับทราบในเอกสารประกาศผิดวินัยร้ายแรง พร้อมมีคำสั่งให้ออก ณ วันที่ 14 มีนาคมทันที พร้อมมอบหนังสือรับรองการทำงานมาให้ ตนจึงออกจากโรงเรียนในเย็นวันนั้น

 

กระทั่งวันที่ 26 มีนาคม ทางโรงเรียนได้โพสต์ประกาศพ้นสภาพดังกล่าวออกมา ทั้งที่ออกจากงานมาได้กว่า 12 วันแล้ว ตนอยากทราบเจตนาของโรงเรียนที่ประกาศว่า ตนพ้นสภาพแบบนี้ โรงเรียนมีจุดประสงค์อะไร เพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายให้ตนเป็นอย่างมาก ในสัญญาจ้างหรือคู่มือบุคลากรไม่ได้มีระบุไว้ว่าโรงเรียนสามารถพึงกระทำได้ ตนต้องการคำชี้แจงจากทางโรงเรียน และขอให้โรงเรียนลบโพสต์ และชี้แจงขอโทษ

 

โดยล่าสุด วันที่ 28 มีนาคม 2565 มีรายงานว่า น.ส.อริสรา มุสิกรักษ์ หรือ ครูหญิง พร้อมด้วยนายพงศธ สุวรรณรักษา หรือทนายพี่อาร์ม ซึ่งเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ได้เข้ายื่นหนังสือเรื่องของให้มีการแก้ไขปัญหาเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีความเป็นครูให้กับอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โดยมีอาจารย์พิชิต เรืองแสงวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและการเงิน รักษาเเทนอธิการบดี ม.อ.รับหนังสือแทนอธิการที่ติดราชการ

 

 

โดยอาจารย์พิชิต กล่าวว่าหลังจากนี้จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อสรุปและยุติโดยเร็ว ซึ่งปัญหาเรื่องนี้อาจจะมาจากความเข้าใจไม่ตรงกันเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการทำงานว่ากรณีแบบนี้ในสัญญาจะต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง ซึ่งครูมองว่าไม่ผิด ก็ต้องมาดูกันว่าระเบียบที่ออกมาใช้ได้ไม่ได้และอยากให้จบและจากกันด้วยดี

 
 
 

นายพงศธ สุวรรณรักษา ทนายความของครูหญิง เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องของครูหญิงมี 4 ข้อ คือต้องการให้โรงเรียนลบโพสต์ดังกล่าว ให้โพสต์ขอโทษข้อความเป็นเท็จ ให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเพราะตอนนี้สถานะของครูหญิงคือถูกให้ออกเพราะทำผิดวินัยร้ายแรงให้เป็นการลาออกโดยสมัครใจ และเรียกร้องค่าเสียหายที่ถูกละเมิดเพราะทางโรงเรียนทำให้เสียชื่อเสียงเพราะข้อความที่โพสต์ถูกมองว่ามีการกระทำผิดรุนแรง

 

ด้าน น.ส.อริสรา หรือ ครูหญิง กล่าวว่า เมื่อเห็นประกาศรู้สึกตกใจมากและทำให้เสียชื่อเสียง หากอ่านแต่ประกาศเหมือนทำผิดร้ายแรงและมีคำถามเกิดขึ้นว่าทารุณกรรมเด็กไหมหรือไปฉ้อโกง จึงอยากทราบเจตนาของโรงเรียนในการออกประกาศฉบับนี้ออกมาเพราะเป็นประกาศที่เกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดโรงเรียนมา และเสียใจมากเพราะที่ผ่านมาได้ทำงานให้กับโรงเรียนอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าตนไม่ทำผิดระเบียบเพราะได้ยื่นใบลาออกถูกต้องและมีการอนุมัติเรียบร้อยก่อนที่จะมีประกาศออกตามหลังมาหลังออกไปแล้ว 10 วัน จึงต้องการให้ทางโรงเรียนลบโพสต์ออก

 

ส่วนกรณีที่มีกระแสออกมาว่าสาเหตุมาจากที่ทางโรงเรียนขอเพจแนะแนวคืนแต่ตนไม่ให้ ความจริงแล้วเป็นเพจนี้ตนใช้แอ็กเคานต์เฟซบุ๊กส่วนตัวทำขึ้นมา และขออนุญาตโรงเรียนถูกต้อง และเมื่อตนลาออกทางโรงเรียนขอคืนเพราะตอนทำอยู่ตอนที่ยังเป็นบุคลากรของโรงเรียน แต่หลังจากที่ออกมาแล้วก็ได้ปิดเพจและลบข้อมูลทั้งหมดแล้ว โดยทางโรงเรียนขอมาวันศุกร์และวันเสาร์โรงเรียนก็ออกประกาศนี้มา ครูหญิงยืนยันว่าหากโรงเรียนทำตามข้อเรียกร้องตนก็ยินดีจบเรื่องด้วยดี ตอนนี้ก็รอว่าทางโรงเรียนจะดำเนินการอย่างไร

 

จากนั้นทางครูหญิงและทนายความได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้กับผู้บริหารโรงเรียนมอ.วิทยานุสรณ์ เพื่อให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อซึ่งทางตัวแทนโรงเรียนได้รับเรื่องเอาไว้

 

 

ด้าน นายสุชาติ สุขะพันธ์ ผอ.โรงเรียนมอ.วิทยานุสรณ์ เปิดเผยว่า ยืนยันว่าการออกประกาศฉบับนี้โรงเรียนทำถูกต้องทุกอย่างและเรื่องนี้มีอยู่ประเด็นคือการให้ออกเป็นหลักของโรงเรียนเพราะเป็นการเสียโอกาสทางการศึกษาของนักเรียนที่ครูหายไปกลางคันจึงเป็นที่มาของการออกประกาศ

 

และกรณีการไปสอบเป็นข้าราชการทางโรงเรียนไม่เคยห้ามและเปิดโอกาสให้ครูทุกคนไปสอบแต่ต้องลาออกก่อน ที่ผ่านมามีครูหลายคนที่สอบไม่ได้ก็กลับมาสอนที่โรงเรียนเหมือนเดิม แต่กรณีของครูหญิงไปสอบแต่ไม่ได้แจ้งเรื่องลาออกก่อน ก็ต้องดำเนินการไปตามประกาศของโรงเรียนซึ่งครูทุกคนทราบและเข้าใจข้อดีนี้และไม่เคยมีปัญหาอะไร การที่จะมาอ้างว่าไม่รู้ประกาศข้อนี้ไม่ได้

 
 

ส่วนอีกประเด็นคือเรื่องประกาศของโรงเรียนฉบับนี้ก็เพื่อต้องการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน สถาบันต่างๆ ที่ติดต่อกับทางโรงเรียนได้ทราบเพราะครูแนะแนวซึ่งครูหญิงรับผิดชอบอยู่จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ผ่านทางเพจของโรงเรียนเป็นหลัก ซึ่งหากครูหญิงออกไปก็ต้องคืนเพจให้กับทางโรงเรียนเพราะตอนทำเพจแนะแนวยังยังเป็นบุคลากรอยู่ไม่ว่าจะใช้แอ็กเคานต์ส่วนตัวหรือแอ็กเคานต์ใดตามหลักก็ต้องคืนเพจให้โรงเรียน

 

 

แต่หลังจากครูหญิงออกมีการลบแอดมินออกและเปลี่ยนชื่อเพจเป็นชื่อครูแต่ใช้ตราโรงเรียนอยู่ซึ่งอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิด จึงจำเป็นต้องออกประกาศชี้แจงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ว่าครูหญิงพ้นสภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนแล้ว

 

ผอ.โรงเรียนมอ.วิทยานุสรณ์ กล่าวย้ำว่าที่มาของการออกประกาศถ้าคุณได้ออกจากองค์กรเราไปแล้วแต่ได้นำสิ่งของบางอย่างของโรงเรียนออกไปด้วยโรงเรียนก็มีสิทธิ์ที่จะทวงคืนเพราะสิ่งที่นำออกไปเป็นข้อมูลสำคัญของโรงเรียนของนักเรียนเพื่อป้องกันและรักษาผลโรงเรียนของโรงเรียน และไม่มีเจตนาหรือข้อความที่ทำให้ครูเสียชื่อเสียงเลย

 
 

และย้ำว่าเรื่องนี้ทางโรงเรียนต้องการให้ครูหญิงส่งข้อมูลเพจทางโรงเรียนกลับมา ส่วนประเด็นอื่นก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าทำให้ทางโรงเรียนเสียหายเสียชื่อเสียงก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย

 

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ/sanook.com/เรื่องเล่าเช้านี้