หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว ในประเทศไทย คนชอบทะเล ก็จะนึกถึงพัทยา คนชอบดำน้ำก็จะนึกถึงเกาะต่างๆ คนชอบน้ำตกก็จะนึกถึง นครนายก ล่องแพต้องไปกาญจนบุรี ปีนเขาก็จะไปเพชรบูรณ์ ขึ้นดอยก็จะไปเชียงใหม่ เมืองเก่าไหว้พระต้องไปอยุธยา หรือสุโขทัย ที่คนพูดถึงกันไปเยอะแล้ว
วันนี้ ทีมงานออลชัวร์นิวส์ ขอพาไปจังหวัดที่เป็นเมืองรองด้านการท่องเที่ยวกันบ้างดีกว่า กับจังหวัด สระแก้ว พอฟังแล้วคงจะงงกันมั้ยล่ะครับ ว่ามีอะไรให้เที่ยวนอกจากตลาดโรงเกลือกับปอยเปต นอกจากสถานที่ท่องเที่ยง 2 แห่งนี้ สระแก้วถือเป็นเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายกว่าที่คิดเลยล่ะครับ
1.น้ำตกปางสีดา
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 800 เมตร เป็นน้ำตกที่ไหลตกลงมาจากผาหิน 3 ชั้น สูงประมาณ 10 เมตร ช่วงฤดูฝนสายน้ำจะไหลลงสู่เบื้องล่างแผ่เต็มลานน้ำตกงดงามมาก เบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำ และลานหินกว้าง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะสมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน
การเดินทาง
โดยรถยนต์ สายกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ จากสถานีขนส่งหมอชิต ถึงตัวเมืองสระแก้ว ระยะทาง 256 กิโลเมตร จากนั้นนั่งรถจากอำเภอสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว โดยสารรถประจำทางไปตามถนนเร่งรัดพัฒนาชนบท (ร.พ.ช.) สายสระแก้ว-บ้านคลองน้ำเขียว ตามทางหลวงหมายเลข 3462 ระยะทาง 27 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ
โดยรถไฟ สายตะวันออก กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ เที่ยวแรกออกเวลา 06.00 น. เที่ยวสองออก 13.00 น. ถึงสถานีรถไฟสระแก้ว แล้วนั่งรถโดยสารจากอำเภอสระแก้วถึงที่ทำการอุทยานฯ
2. เขื่อนพระปรง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นการกั้นภูเขาที่เป็นลำน้ำพระปรง ที่เป็นที่ลุ่มเพื่อกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร พื้นที่ที่ได้รับน้ำใน การเกษตรคือ หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 6 ตำบลช่องกุ่ม และบ้านท่าช้าง ตำบลหนองหมากฝ้าย มีเทศกาลดูนกน้ำ คือช่วงเดือน พฤษภาคม ถึง สิงหาคม มีนกน้ำนานาชนิดมาอาศัยอยู่ โดยมากคือนกงู หรือ นกอ้ายงั่ว ที่มาหากินปลาในเขื่อนพระปรง ซึ่งอพยบมาจากประเทศออสเตรเลีย ที่เรียกกันว่า นกงูก็คือ เวลาดำน้ำจับปลา ที่คอมีลักษณะเหมือนงู เขื่อนพระปรงมีภูเขาที่อุดมสมบูรณ์มีสัตว์ป่านานาชนิด มีน้ำตกที่สวยงาม มีต้นน้ำของลำน้ำพระปรง แม่น้ำปราจีนบุรี และไหลบรรจบลงที่แม่น้ำบางปะกง วิธีการเข้าไปท่องเที่ยวธรรมชาติได้แก่การล่องเรือ ล่องแพ และเดินไปไม่ไกลก็จะพบต้นน้ำช่องลี้
เสน่ห์ของอ่างเก็บน้ำพระปรงอยู่ที่ การได้นั่งเรือ ล่องแพชมทิวทัศน์ธรรมชาติ ตกปลา ดูนกป่า นกทุ่ง นกน้ำนานาชนิด โดยเฉพาะนกน้ำขนาดใหญ่ที่หา ยากใกล้สูญพันธุ์อย่าง “นกอ้ายงั่วหรือนกงู” ที่มีรายงานการพบนกชนิดนี้มากถึง 70-100 ตัว ถือเป็นแหล่งหากินของนกงูที่ใหญ่ที่สุดของไทย
3. ปราสาทเขาน้อยสีชมพู
ปราสาทนี้สร้างในพุทธศตวรรษที่ 12 และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในพุทธศตวรรษที่ 15 และคงความสำคัญจนถึงพุทธศตวรรษที่ 16 เชื่อว่าเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ตัวปราสาทเป็นโบราณสถานไม่ก่ออิฐสอปูน ประกอบด้วยปราสาทก่อด้วยอิฐ 3 หลังคือ ปรางค์ทิศเหนือ ปรางค์องค์กลาง และวิหารทิศใต้ แต่คงเหลือเพียงปรางค์องค์กลางเท่านั้นที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ส่วนปรางค์ทางทิศเหนือ และวิหารทิศใต้ เหลือเพียงฐานเท่านั้น ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2478 ปราสาทเขาน้อยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติจากกรมศิลปากร และมีการสำรวจ ขุดพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น โบราณวัตถุทำจากโลหะ เครื่องปั้นดินเผา ทับหลังหินทราย 5 ชิ้น พบประติมากรรมรูปนางมหิษาสุรมรรธนีสี่กร ซึ่งสูญหายไปแล้ว และค้นพบแผ่นจารึกบ่งบอกถึงอายุการสร้างปราสาทเรียกว่า “จารึกเขาน้อย” และทับหลังหินทรายแบบสมโบร์ไพร กุกอายุประมาณ พุทธศตวรรษที่ 12 ศิลาจารึกระบุมหาศักราช 559 ตรงกับ พ.ศ.1180 ซึ่งเป็นจารึกที่ระบุศักราชเก่าที่สุดในประเทศ
4.ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ อ.คลองหาด เป็นถ้ำขนาดกลางอยู่ในภูเขาที่ทอดยาวขนานไปกับพื้นดิน ถ้าเดินเท้าขึ้นภูเขา จะผ่านป่าจันผาซึ่งเป็นป่าที่ชุมชนได้ร่วมกันอนุรักษ์และปลูกเพิ่มเติมจากเดิมที่กำลังจะสูญพันธุ์ เป็นการชมผืนป่าที่เริ่มพลิกฟื้นให้สมบูรณ์ดังเดิม ที่ปากถ้ำมีลมพัดผ่านช่องเขาเข้าไปถ่ายเทในถ้ำตลอดเวลา ทำให้ภายในถ้ำไม่อบอ้าวและเย็นสบายตลอดปี อีกทั้งที่ตั้งของถ้ำเพชรโพธิ์ทองถูกแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ไร่นาของชาวบ้านที่เพาะปลูกพืชผักทางการเกษตรเต็มไปหมด ทำให้บรรยากาศโดยรอบนั้นสดชื่น ลมโชยเย็นสบายและได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในบริเวณนั้นอีกด้วย
5. ปราสาทสด๊กก๊อกธม
โบราณสถานที่ใหญ่และสำคัญของจังหวัดสระแก้ว และเป็นโบราณสถานขอมที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อ ในลัทธิศาสนาฮินดู คำว่าสด๊กก๊อกธม หมายถึง “ เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่ ”ซึ่งปัจจุบันยังพอมองเห็น หนองน้ำใหญ่ในอดีตอยู่ใกล้ ๆ ปราสาทนั่นเอง ประกอบด้วยองค์ปราสาท 3 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีคูน้ำล้อมรอบ 4 ด้าน มีกำแพงแก้ว 2 ชั้น ชั้นนอกทำด้วย ศิลาแลงชั้นในทำด้วยหินทราย ตัวปราสาทก่อด้วยหินทราย มีโคปุระหรือซุ้มประตูเหลืออยู่เพียงด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเท่านั้น ภายใน ระเบียงคตมีบรรณาลัยก่อด้วยหินทราย 2 หลังอยู่หน้าปราสาทหลังกลางซึ่งเป็นปรางค์ประธาน ด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออกมีสระน้ำขนาด ใหญ่รูปสี่เหลี่ยม มีถนนปูด้วยหินจากตัวปราสาทไปจนถึงสระน้ำ
6. ละลุ
จากดินที่ชาวบ้านมองว่าไม่มีค่า แม้แต่จะใช้ปลูกพืชอะไรก็ไม่ขึ้น แต่ใครจะรู้ว่า สิ่งไร้ค่านี้จะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันยิ่งใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว จนถูกยกระดับจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน unseenThailand
ละลุ เป็นภาษาเขมร แปลว่า ทะลุ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแต่มีพื้นที่กว้าง กว่า 2,000 ไร่ ละลุเกิดจากน้ำฝนกัดเซาะยุบตัวหรือพังทลายของดินเนื่องจากสภาพดินแข็งจะคงอยู่ไม่ยุบตัวเมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็น รูปต่างๆ มองคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างมีลักษณะเป็นแท่งๆ จึงทำให้ละลุมีความสวยงามและแปลกตาแตกต่างกันตามจินตนาการของแต่ละคน ซึ่งในทุกๆปี ละลุจะเปลี่ยนรูปร่างของมันไปเรื่อยๆ ตามแต่ลมและฝนที่ช่วยกันตกแต่งชั้นดิน และในบางพื้นที่ก็จะมีละลุที่ขึ้นอยู่กลางพื้นที่ทำนา ของชาวบ้านซึ่งสีน้ำตาลทองของละลุ ตัดกับสีเขียวสดของต้นข้าว เป็นสิ่งที่สวยงามมาก จนได้รับขนานนามว่าเป็น แกรนด์แคนยอนของเมืองไทยเลยทีเดียวครับ
7. โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
เปลี่ยนฟิลล์ไปเที่ยวโรงเรียนกันบ้าง หลายคนอาจทำหน้างงว่าไปทำไม นั่นเพราะที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนทั่วไปอย่างที่ใคร ๆ คิด แต่เป็นโรงเรียนสอนคนและควายให้ใช้ชีวิตร่วมกันได้ตามวิถีของเกษตรกร โดยจัดตั้งขึ้นตามพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อฝึกกระบือให้ทำเกษตร อีกทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์วิถีชีวิต ความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่ายและพอเพียง
นักท่องเที่ยวจะได้ชมแปลงนาอันกว้างใหญ่ ที่ปลูกข้าวในระยะเวลาต่าง ๆ กัน ชมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ทำนาแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงที่พักซึ่งเป็นบ้านดินให้บริการด้วย
เวลาเปิด – ปิด : เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
8. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน
ตั้งขึ้นมาตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายาก รวมถึงสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นสถานีวิจัยและให้ความรู้ เกี่ยวกับสัตว์ป่าด้วย โดยเฉพาะ เป็ดก่า ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของจังหวัดสระแก้ว
นอกจากนี้ยังมีนกหลากชนิด เช่น นกแก๊ก นกเงือกกรามช้าง นกยูง นกเงือกปากย่อน หมีขอ วัวแดง ฯลฯ ด้วยบรรยากาศร่มรื่นใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ขึ้นคลุมที่ทำให้อากาศเย็นสบาย ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจพร้อม ๆ กับเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องราวสัตว์ป่าในคราวเดียวกัน
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.
ที่ตั้ง : ต.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
9.ตลาดโรงเกลือ
ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักตลาดการค้าชายแดนภาคตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยอย่าง ตลาดโรงเกลือ หรือ ตลาดชายแดนบ้านคลองลึก ซึ่งอยู่ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ-ปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ปัจจุบันมีด้วยกันถึง 5 ตลาด คือ ตลาดโรงเกลือเดิม ตลาดเดชไทย ตลาดเทศบาล 3 ตลาดเบญจวรรณ และตลาดทรัพย์สมบูรณ์ รวมแล้วมีร้านค้ามากกว่า 3,000 ร้าน มีเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องครัว ทั้งมือใหม่และมือสองให้ช้อปกันในราคาถูกแสนถูก แต่หยิบ ๆ จับ ๆ ไปมาก็อาจกระเป๋าแบนไม่รู้ตัวนะ
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น.
10. ปอยเปต
ปอยเปตนับว่าเป็นเมืองชายแดนของประเทศกัมพูชา(เขมร) ที่อยู่ติดกับอำเภออรัญประเทศ ในจังหวัดสระแก้วของประเทศไทย ถ้าพูดง่ายๆคือเป็นชายแดนที่ใช้เป็นเส้นทางผ่านแดนไทย-กัมพูชา แต่ชื่อนี้เมื่อเราได้ฟังแว่วผ่านหูมาร้อยทั้งร้อยจะต้องคิดถึงเรื่องคาสิโน บ่อนการพนัน อันเนื่องจากปอยเปตสามารถเปิดเสรีเกี่ยวกับบ่อนคาสิโนได้
ทำให้ปอยเปตนับว่าเป็นตัวเมืองมีบ่อนคาสิโนเป็นจำนวนมากและลูกค้าโดยส่วนใหญ่ จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีนิสัยชอบการเดิมพันเสี่ยงโชคเป็นผู้ใช้ บริการ ปัจจุบันที่ปอยเปตมี คาสิโน ที่มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวในเมืองไทยอยู่หลายแห่ง
เห็นมั้ยครับว่า จังหวัดสระแก้วมีอะไรมากกว่าที่เราคิด มีครบกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มาก แถมถือว่าไม่ไกลจากเมืองกรุงสักเท่าไหร่ หากหมดโรคระบาด โควิด-19 เมื่อไหร่ จังหวัดสระแก้ว ก็เป็นอีก 1 ทางเลือก สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการความสนุก ความตื่นเต้นแบบครบครัน ไปจังหวัดเดียวได้ครบทุกอรรถรสจริงๆ ล่ะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวจังหวัดสระแก้ว