นักร้องลูกทุ่งสาว นุช วิลาวัลย์ เจอปัญหาสุดทน ร้านขายปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ ทำให้คนในบ้านต้องทนกับกลิ่นเหม็นจากสารเคมีมานานกว่า 4 ปี จนใช้ชีวิตปกติไม่ได้ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจประกาศขายบ้าน 2 หลังพร้อมที่ดิน เคยร้องเรียนแล้วแต่ไม่เป็นผล โดนขู่เจอเส้นใหญ่ ไม่คุ้มแลกชีวิตพ่อกับแม่
นักร้องลูกทุ่งสาว นุช วิลาวัลย์ ทนมานาน 4 ปี ตัดสินใจประกาศขายบ้านหนี ที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ หลังเจอปัญหากลิ่นเหม็นจากร้านขายปุ๋ย ที่มาเปิดร้านภายหลังติดกับบ้านของตน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพพ่อแม่ป่วยอาการทรุด โดนขู่เจอเส้นใหญ่
โดย นุช วิลาวัลย์ เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ว่า ตอนนี้มันไม่ไหวมากๆ เพราะว่าแม่เราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้เขากลายเป็นผู้ป่วยที่ค่อนข้างหนักแล้ว หลังจากที่มันเป็นปัญหาสะสม ได้สูดอากาศไม่บริสุทธิ์เข้าไปอยู่เรื่อยๆ อาการไทรอยด์เป็นพิษที่เคยซาไปกลับมาเป็นใหม่แล้วมันขึ้นสูงขึ้นจนตอนนี้แม่ต้องได้ไปกลืนแร่ค่ะ และทำให้มีภาวะหัวใจโตด้วยค่ะ ก็เลยทำให้เราเอาความปลอดภัยสุขภาพของคนในบ้านเราดีกว่า
ร้องเรียนหลายครั้งไม่เป็นผล? “เราร้องเรียนไปก็แล้ว ไปพูดคุยก็แล้ว เขาไม่ได้แก้ปัญหาที่มันตรงจุด หรือว่ามันแก้ปัญหาไม่ได้เลย หลักๆ มันคือการเก็บปุ๋ยเคมีและเคมีภัณฑ์ของเขามันส่งกลิ่นเหม็น คือถ้ามันไม่มีปุ๋ยเขาก็สามารถเปิดได้ปกติ แต่ว่าแค่ให้เอาของพวกนี้ไปเก็บที่อื่น ซึ่งที่จริงถือว่านุชใจเย็นมาก ผ่านมาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว และที่สำคัญที่คุยกันล่าสุดเหมือนได้ข้อสรุปที่มีคนร้องเรียนไป เขาก็บอกว่าภายในเวลา 1 เดือนของปลายปีที่แล้ว เขาจะย้ายปุ๋ยที่มีอยู่ไปอยู่ในโกดังข้างนอก ส่วนตรงนี้จะเป็นแค่หน้าร้านขายของ แต่จนถึงทุกวันนี้จะครบปีหนึ่งแล้ว โกดังของเขาก็ยังไม่เกิดขึ้น เขาก็ยังใช้ชีวิตปกติ
มันก็เหนื่อยเพราะว่าเราไปร้องเรียนในศูนย์ดำรงธรรม และในเทศบาล เขาก็ลงมาพื้นที่นะคะ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้มากกว่านี้ บางคนอาจจะบอกว่าทำไมไม่หยวนๆ กันไป มันหยวนไม่ได้เพราะสุขภาพคนเรามันสูดดมสารพิษเข้าไปทุกวัน แล้วตรงที่รั้วมันติดกันมันมีครัวด้วย เหมือนคลังระเบิดได้เลยนะคะ เพราะว่าถ้าโดนความร้อน หรือโดนแก๊สมันอาจจะระเบิดได้ ก็ยิ่งอันตรายไปกันใหญ่ พอหน้าฝนหน้าทุเรียนก็จะมียาฆ่าแมลงเพิ่มมากขึ้น มันเหม็นมากทุกวันนี้อยู่ไม่ได้เลย
ปลูกบ้านก่อนอยู่มา 10 กว่าปี ร้านปุ๋ยมาทีหลัง ที่จริงซื้อที่นี่ตั้งแต่ปี 2535 แต่มาอยู่ตอนนุชอยู่ม.1 อายุ 13 ปี ตอนนี้ 32 ก็สิบกว่าปีแล้วค่ะ แต่ร้านปุ๋ยเพิ่งมาได้ 4 ปี เหมือนกับเขาขอใบอนุญาตมาจากเขตอุบลราชธานี ที่จริงมันไม่ใช่แค่นี้ พอมันมีปัญหากันบ่อยๆ ก็อาจจะมีออกฤทธิ์เดชออกเดชกันบ้าง เขาก็บอกว่าจะเอาเส้นที่ไหน จะเอาเส้นที่อุบลหรือศรีสะเกษ แล้วเราเป็นแค่ประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เงินเราก็ไม่สู้เขาอยู่แล้ว สีเราก็ไม่มี เส้นสายเราก็ไม่มี ถามว่าเขาขู่ไหม หนูก็ว่าเขาขู่หนูอยู่นะคะ เขาก็พูดเหมือนกับว่า เขามีใบนะ จะเอาเส้นที่ไหนล่ะ จะเอาเส้นที่อุบลหรือศรีสะเกษ ถ้าพูดแบบนั้นแสดงว่าเราคุยกันดีๆ ไม่ได้ พ่อกับแม่กลัวว่าเขาจะทำอะไรเราหรือเปล่า แต่นุชคิดว่าตามหลักความเป็นจริงแล้วความจริงมันก็เป็นสิ่งไม่ตาย ผู้ใหญ่หรือหน่วยงานต่างๆ ก็น่าจะให้ความยุติธรรมกับนุชค่ะ
แล้วเขตได้ลงมาดูไหมว่าเขาเปิดร้านที่ไหน ไม่ใช่ว่าอยากเปิดก็ให้เปิด แต่ไม่ได้มาดูเลยว่าเขาเปิดร้านอยู่ในพื้นที่ชุมชนไหม ถ้าเป็นโกดังใหญ่ขนาดนี้มันควรอยู่นอกเขตชุมชน
มีเพื่อนบ้าน คนอื่นก็เดือดร้อนกันหมด เขาก็เหนื่อยที่จะพูดแล้ว คือที่ที่ทุกคนอยู่ถ้าพูดเป็นภาษาอีสาน คือเป็นที่มูลที่มัง เป็นที่ที่เขาอยู่กันมานานแล้วแต่ว่าเขามาอยู่ที่หลัง การอยู่ร่วมกันมันก็ต้องให้อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข
ประกาศขายบ้านราคา 7 หลัก ราคาที่นุชตั้งขายบ้าน หลายคนอาจจะมองว่าราคาสูงไปหรือเปล่า ถ้าแลกกับชีวิตพ่อแม่เรามันไม่ได้เลย คนในบ้านมีทั้งหมด 5 คน ต้องสูดดมกลิ่นพวกนี้มาเป็นเวลา 4 ปี แล้วถ้าคิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อด้านสุขภาพตีเป็นเงินเขาต้องโดนไปเท่าไหร่ สุขภาพพ่อแม่นุชก็รอไม่ได้ ชีวิตคนในครอบครัวเรารอไม่ได้
ก่อนหน้านี้ที่นุชเคยโพสต์แล้วเช็กอินไปที่บ้านเขาว่าเราเหม็น เขาก็แคปโพสต์ของเราแล้วไปโพสต์ในกลุ่มของคน อ.ขุนหาญ ว่าให้คุณนุช วิลาวัลย์ มารับทราบข้อกล่าวหาด้วย เหมือนเขาไปลงบันทึกประจำวันไว้ และให้ทนายของเขาส่งหนังสือมาว่าห้ามกระทำการแบบนี้เพราะมันเป็นเท็จ ซึ่งมันจะเท็จได้ไงเพราะมันเหม็นจริงๆ
นุชอยากฝากว่าเราเป็นแค่ประชาชนคนหนึ่ง ไม่มีเงินไม่มียศไม่มีสี ไม่มีอะไรทั้งสิ้นเลย แต่เป็นคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้น อยากให้ท่านลงมาดูขอความเป็นธรรมให้กับนุชด้วย”
ขอบคุณ ข่าวสด/ไทยรัฐ